ชามือจากโพรงฝ่ามือกดทับเส้นประสาท

เมื่อรู้สึกปวดและชามือ อย่าคิดว่าไม่สำคัญ...เพราะอาจมีพังผืดกดทับเส้นประสาท

การชามือจากโพรงฝ่ามือกดทับเส้นประสาท เพราะเส้นเอ็นบริเวณช่องว่างของข้อมือมีการอักเสบและมีการหนาตัวของพังผืดจึงทำให้ช่องว่างที่มือมีขนาดเล็กลง เส้นประสาทถูกเบียดหรือกดทับจึงมีอาการปวด รู้สึกเสียวคล้ายไฟช็อต ชาที่ข้อมือ มือ นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลาง  หากมีอาการมากมืออาจอ่อนแรงทำให้หยิบสิ่งของได้ลำบาก

โรคนี้สาเหตุหนึ่งเกิดจากการใช้งานข้อมือและมือซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการกำมือแน่น ๆ กระดกข้อมือขึ้น-ลงบ่อย ๆ หรือขยับมือเป็นเวลานาน ซึ่งในปัจจุบันเราพบผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้ได้มากกว่าในอดีต และยังเกิดกับกลุ่มคนที่หลากหลาย เช่น คนทำงานออฟฟิศ ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นประจำเป็นเวลานาน พนักงานขับรถ แม่บ้าน คนทำสวน ช่างทาสี นักกีฬาบางประเภท เช่น นักแบดมินตัน นักกอล์ฟ นักเทนนิส

ทางเลือกที่ใช่

การรักษาที่กายคตา สามารถรับการรักษาด้วยวิธีกายภาพบำบัด พร้อมกับการดูแล ฟื้นฟู และซ่อมแซมเซลล์ไปพร้อมกัน

กายภาพบำบัด

  • การรักษาด้วยคลื่นกระแทก (Shock Wave Therapy) เพื่อช่วยกระตุ้นให้มีการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บ และช่วยลดอาการปวด
  • การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Peripheral Magnetic Stimulation :PMS) สามารถช่วยในเรื่องอาการชา ทั้งยังช่วยสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้อีกด้วย
  • การใช้แสงเลเซอร์พลังงานสูง (High Power Laser) ซึ่งเลเซอร์สามารถลงลึกไปยังจุดที่ทำให้มีอาการชา และขณะเดียวกันยังมีส่วนช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ

การรักษาแบบบูรณาการ เป็นการรักษาอย่างลงลึกถึงที่มาของปัญหา โดยการรักษาสามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่
  • การฉีด (Prolotherapy) เป็นการกระตุ้นให้มีการอักเสบแบบอ่อน ๆ เมื่อมีการอักเสบ ร่างกายก็จะเกิดกระบวนการซ่อมแซมตัวเอง
  • การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นของตัวเอง PRP (Platelet Rich Plasma) เป็นการรักษาเพื่อให้เกิดการซ่อมแซมเนื้อเยื่อเองตามธรรมชาติ ด้วยการใช้วิธีฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นของผู้ป่วยที่ผ่านกระบวนการทางการแพทย์เพื่อกระตุ้นให้เกิด Growth Factor เมื่อได้แล้ว จึงฉีดเข้าไปในจุดที่ต้องการฟื้นฟู ซึ่งเลือดที่ใช้นั้นก็เป็นเลือดของผู้ป่วยเอง จึงมีความปลอดภัย
  • การฉีดสารเปปไทด์ชีวภาพ (Nucleic acid) เพื่อช่วยดูแล บำรุงเซลล์ที่เสื่อมสภาพ โดยสารเปปไทด์ชีวภาพที่ฉีดนั้นเป็นสารธรรมชาติที่ช่วยทดแทนเปปไทด์ที่สึกหรอ จึงเป็นวิธีที่สามารถช่วยฟื้นฟูการทำงานของเซลล์
  • การใช้เซลล์ซ่อมเซลล์ โดยการฉีดเซลล์หรือองค์ประกอบเซลล์เข้าร่างกาย เพื่อแก้ไขเซลล์เสื่อมสภาพ และกระตุ้นการทำงานและการสร้างเซลล์ใหม่ พร้อมทั้งกระตุ้นให้เซลล์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้การดูแลในภาพรวมยังจะให้คำแนะนำด้านโภชนาการ และเสริมวิตามินตามความเหมาะสมควบคู่ไปกับวิธีรักษาอื่นอีกด้วยหลายคนอาจมีคำถามว่าเป็นแล้วต้องพบแพทย์เท่านั้นหรือ?

ในช่วงที่เริ่มมีอาการเพียงเล็กน้อย สามารถดูแลตนเองเบื้องต้นได้โดยวิธีการดังนี้

  1. หยุดพักงานใช้งานมือหรือลดการใช้ข้อมือ
  2. การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวของเอ็น กล้ามเนื้อ และเส้นประสาท
  3. ใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงข้อมือ

แต่หากปฏิบัติแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม

เทคนิคการออกกำลังกาย

วิธีการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวของเอ็น กล้ามเนื้อ และเส้นประสาท สามารถทำได้ทั้งผู้ที่มีอาการชามือจากโพรงฝ่ามือกดทับเส้นประสาท และผู้ที่ยังไม่มีอาการ แต่เป็นผู้ที่ใช้ข้อมือและมือบ่อย ๆ เป็นเวลานาน ๆ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ผ่อนคลาย และวิธีนี้สามารถทำได้หลายครั้งต่อวัน โดยสามารถปฏิบัติ ดังนี้

  • ยกแขนให้ข้อมืออยู่ในแนวตั้งตรงตลอดเวลาในการออกกำลังกาย เพียงแต่เปลี่ยนท่าทางในการใช้ข้อมือตามลำดับ
    • กำมือค้างไว้ประมาณ 5 วินาที .....ทำเช่นนี้ข้างละ 10 ครั้ง
    • แบฝ่ามือให้นิ้วทั้ง 5 นิ้วชิดกัน ทำค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ทำเช่นนี้ข้างละ 10 ครั้ง
    • เหยียดข้อมือไปด้านหลัง โดยให้นิ้วหัวแม่มืออยู่ในแนวตรงในท่านิ้วชิดกันทำค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ทำเช่นนี้ข้างละ 10 ครั้ง
    • แบมือและเหยียดข้อมือไปด้านหลัง โดยนิ้วหัวแม่มือไม่ต้องชิดกับนิ้วชี้ ทำค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ทำเช่นนี้ข้างละ 10 ครั้ง
    • เหยียดข้อมือไปด้านหลังและพยายามหงายฝ่ามือให้สุด ทำค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ทำเช่นนี้ข้างละ 10 ครั้ง
    • เหยียดข้อมือไปด้านหลังและพยายามหงายฝ่ามือให้สุด โดยนิ้วหัวแม่มือไม่ต้องชิดกับนิ้วชี้ และใช้มืออีกด้านดึงนิ้วหัวแม่มือให้เหยียดออก ทำค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ทำเช่นนี้ข้างละ 10 ครั้ง 

ชามือจากโพรงฝ่ามือกดทับเส้นประสาท การใช้งานข้อมือและมือเป็นเวลานานเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่พบจากไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน ดังนั้น สิ่งที่สามารถลงมือทำเพื่อดูแลตนเองได้ตั้งแต่ตอนนี้ คือ ระหว่างการทำงานควรหยุดพัก เปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ อาจจะทุก 30 นาที หรืออย่างน้อยทุก 40 นาที เพื่อให้ร่างกายได้มีการผ่อนคลาย

..................................

บทความที่เกี่ยวข้อง
อายุมากขึ้น กระดูกสันหลังเสื่อม ระวังโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ
โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ ปัญหาหลักจากความเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลังการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง ไม่ใช่เรื่องของคนสูงอายุ แต่เกิดเพราะอายุที่มากขึ้น
เส้นประสาทอักเสบ
เส้นประสาทอักเสบ เป็นภาวะของเส้นประสาทที่มีสาเหตุใดก็ตามซึ่งมากระทำกับเส้นประสาทจนส่งผลให้เกิดการอักเสบขึ้นมา....
ปวดหลังส่วนล่าง อาการกวนใจที่ใคร ๆ ก็เป็นได้
ปวดหลังส่วนล่าง อาการที่มักสร้างความรำคาญใจให้กับคนวัยทำงานและผู้สูงอายุ ลักษณะอาการที่แต่ละคนเป็นอาจแตกต่างกันไป
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy